เรื่องของเจ้าบ่าว

เรื่องของเจ้าบ่าว


เจ้าบ่าวคือใคร

เจ้าบ่าวคือ  ชาวนา ที่ปลูกข้าวแบบอินทรีย์อยู่แล้ว หรือกำลังจะเลิกเคมี หันมาปลูกอินทรีย์

Untitled-1

เจ้าบ่าวมี  2 ประเภท คือ เจ้าบ่าวเข้มแข็ง และ เจ้าบ่าวมือใหม่

เจ้าบ่าวเข้มแข็ง คือ ชาวนาที่ทำอินทรีย์อยู่แล้ว ได้รับใบรับรอง และมีความตั้งใจที่จะขยายชุมชนของเขาให้เข้มแข็งมากขึ้น

เจ้าบ่าวมือใหม่ คือ ชาวนาที่ต้องการเปลี่ยนจากการทำนาเคมีมาเป็นอินทรีย์  ต้องการกำลังใจเป็นอย่างยิ่งในช่วงระยะปรับเปลี่ยน ข้าวของเขาในตอนนี้เราขอเรียกว่าเป็น “ข้าวเลิกเคมี” ค่ะ

 

อยากเป็นเจ้าบ่าวต้องทำอย่างไร

ง่ายมากค่ะ แค่ 3 ขั้นเท่านั้น
1. ชัดเจนกับตัวเองว่าคุณปลูกข้าวแบบไหน กรณีที่คุณปลูกแบบเคมี วินาทีนี้คุณเลือกอย่างเด็ดขาดที่จะเลิกเคมีและจะหันมาปลูกแบบอินทรีย์แล้วหรือยัง ถ้าคุณพร้อมแล้วที่จะเลิกเคมีเด็ดขาด ไม่มีเคมีสักหยด สักเม็ด ในทุกตารางนิ้วของนา ไปที่ข้อ 2. เลยค่ะ

2. ส่งข้อมูลมาทาง  inbox ที่ เพจของเรา ในหัวข้อดังนี้นะคะ

1. เล่าเกี่ยวกับตัวคุณและครอบครัวหน่อยค่ะ
2. ที่อยู่ของคุณ และเบอร์ติดต่อ
3. นาของคุณ ขนาด ข้าวที่คุณปลูก จำนวนที่ได้หรือคาดว่าจะได้ ระยะเวลา สำหรับรอบต่อไป
4. แรงบันดาลใจ ที่คุณเลิกเคมี หันมาทำนาอินทรีย์ (ผูกปิ่นโตข้าวจะรับเจ้าบ่าวที่เลิกเคมีเด็ดขาดเท่านั้นค่ะ ไม่มีเคมีสักเม็ดหรือสักหยดในทุกขั้นตอนการทำนาเลยค่ะ)
5. เมื่อเลิกเคมีแล้ว ชีวิตของคุณดีขึ้นอย่างไร ผืนดินของคุณดีขึ้นอย่างไร
6. อยากฝากอะไรถึงเจ้าสาวและแม่สื่อคะ

3.   รอการติดต่อจากทีมผูกปิ่นโตข้าวสำหรับการโทรศัพท์พูดคุย การไปเยี่ยมนา และการนำ
เรื่องราวของคุณขึ้นแฟนเพจในกรณีที่คุณมีคุณสมบัติเหมาะสมกับการเป็นเจ้าบ่าวค่ะ

รู้จักเจ้าบ่าว
เรามีเจ้าบ่าวทยอยขึ้นแฟนเพจเรื่อยๆ ค่ะ รู้จักเรื่องราวความเป็นมา ความตั้งใจ และเห็นหน้าตาเจ้าบ่าวได้ที่ อัลบั้มรวมเจ้าบ่าว ที่นี่เลยค่ะ

 

groom1groom2

4 Comments

Add yours
  1. 1
    ตุลย์

    สวัสดีครับ
    ผมชื่อตุลย์ อายุ 30 ปี ตอนนี้ทำงานเป็นเซลล์อยู่ที่กทม.ครับ บ้านเกิดอยู่จ.กาญจนบุรีเป็นคนเมืองโดยกำเนิดครับ พ่อเป็นหมอ แม่เป็นเภสัชกรแผนปัจจุบันครับ ที่บ้านเป็นคลินิคและร้านขายยาทำให้ได้เจอคนไข้มากมายหลายประเภทไม่ว่าจะเป็นโรคพื้นฐานเช่น เบาหวาน ความดัน หัวใจ ฯลฯ ตอนนี้ที่พบบ่อยมากๆจนน่ากลัวคือมะเร็งครับ ทำให้ผมมานั่งคิดๆว่า ทุกวันนี้การที่เราป่วยมันเป็นเพราะอะไร อาหารที่เรารับประทานเข้าไปใช่หรือไม่ เกิดอะไรขึ้นกับการเกษตรของไทย ทำไมต้องมีการใช้สารเคมีที่อันตรายมากมายในอาหารที่ปลูกมาให้เราทาน มันส่งผลต่อสุขภาพร่างกายเราจนทำให้เราเป็นโรคกันมากมายอย่างทุกวันนี้ ด้วยความที่ชอบปลูกต้นไม้ด้วยครับ แล้วก็พอมีที่ดินของพ่อแม่ ก็เลยขอแบ่งที่มาปลูกข้าวเพื่อไว้กินเองครับ (ที่บ้านไม่เคยทำนามาก่อนเลยครับ) เริ่มต้นทำนาอินทรีย์เป็นครั้งแรกเป็นนาปีปลูกหอมมะลิ 105 เมื่อปีที่แล้วครับ (พ.ศ.2556) ใช้แค่ปุ๋ยคอก ไม่ใช้ยาฆ่าแมลง หรือปุ๋ยเคมีใดๆเลยครับ เพราะรอบแปลงนาแม่ขุดคลองไว้รอบนา เพื่อเก็บน้ำไว้ใช้ในแปลงนา แล้วน้องก็เลี้ยงปลาไว้ด้วยกลัวว่ามันจะมีผลต่อปลาครับ

    ก่อนจะเริ่มปลูกก็หาข้อมูลมาพอสมควรครับ แต่ผมไม่ได้ลงไปทำเองนะครับ คือจ้างเค้ามาเตรียมดิน ดำนา ใส่ปุ๋ย เกี่ยวข้าว แล้วเราดูแลเเองครับ ถ้าดูสภาพข้าวผิดปกติ ก็ถ่ายรูปส่งไปถามเพื่อนที่เป็นชาวนาอาชีพเอาครับว่าเป็นอะไรจะแก้ไขอย่างไรดี พึ่งเริ่มต้นยังต้องเรียนรู้อีกเยอะเลยครับ ตอนเริ่มมาทำนาชาวบ้านที่ทำนาแถวนั้นก็คงแอบคิดว่าผมบ้านะครับ ที่เริ่มต้นก็จะมาทำนาอินทรีย์เลยมันจะได้กินเหรอ สู้เคมีไม่ได้หรอก บ้างก็ว่าเป็นชาวนายูทูป ฯลฯ ปรากฎว่าผลผลิตออกมาค่อนข้างดีเลยครับ พื้นที่ปลูกข้าว 7 ไร่ ได้ข้าวเปลือกมา 3 ตันกว่า (โล่งใจครับ ลบคำสบประมาทได้ประมาณนึงละ 55 )ปีนี้ก็เลยทำนาปีอีกครับแต่รอบนี้ปลูกหอมมะลิสุรินทร์เป็นพันธุ์พื้นเมืองของชาวบ้านได้มาจากทางสุรินทร์เลยครับ พึ่งเริ่มดำไปเมื่อต้นเดือนสิงหาคม ตอนนี้ก็ใกล้ตั้งท้องแล้วครับ น่าจะเกี่ยวได้ช่วงปลายพ.ย.- ต้นธ.ค.นี้ครับ ^^

    ผมเก็บข้าวหอมมะลิ 105 ไว้ในรูปข้าวเปลือกครับ ซื้อเครื่องสีเล็กทั้งข้าวขาวและข้าวกล้องมาไว้สีทานเองครับ สีไว้จำนวนไม่มากเอาไว้ทานในครอบครัวข้าวหมดถึงจะสีใหม่ครับ จะได้ทานข้าวสีใหม่ๆครับ บางส่วนก็นำมาแบ่งขายที่คลีนิค หรือเพื่อนๆ คนรู้จักสั่งก็ค่อยสีครับ ไม่อยากเอาไปสีที่โรงสีเพราะกลัวจะมีข้าวเคมีปนมาครับ ก็เลยลงทุนซื้อเครื่องมาลงแรงสีเองเลยครับ สบายใจเรา

    อยากให้คนหันมาใส่ใจในเรื่องอาหารที่เราทานเข้าไปมากขึ้น ชีวิตคนเมืองมีแต่ความรีบเร่งเอาสะดวก โดยลืมนึกไปว่าอาหารที่เค้าทานเข้าไปมันเหมือนเราทานสารพิษเข้าไปในร่างกายทุกวันๆ โดยที่เราไม่รู้ตัวรึเปล่า ลองตั้งสติและหาข้อมูล ถึงที่มาที่ไปของกระบวนการผลิตในอุตสาหกรรมและเกษตรกรรมทุกวันนี้ว่าผู้ประกอบการเค้าทำยังไงบ้างเพื่อให้ได้มาของอาหาร ข้าว พืช ผัก ผลไม้ ที่เราๆต้องทานเข้าไปทุกๆวันกันครับ แล้วเราจะเห็นคุณค่าของการทำเกษตรอินทรีย์ครับ ว่ามันมีประโยชน์อย่างไร

    ขอบคุณครับ
    ตุลย์ 084-9192442

    160/86 ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี 71000

    • 2
      pookpintokao

      สวัสดีค่ะคุณตุลย์ ทางเราได้รับเรื่องของคุณผ่านหน้า fan page แล้วนะคะ ขอต้อนรับเป็นว่าที่เจ้าบ่าวนะคะ ไว้คุยกันทาง fan page นะคะ

  2. 3
    เรวัตตะ

    27 ตุลาคม 2557
    สวัสดีครับ ผมและครอบครัวมีอาชีพรับราชการ อยู่ที่อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก
    เป็นโรคภูมิแพ้ จึงหันมาสนใจเรื่องการออกกำลังกายและการรับประทานอาหาร
    เห็นโทษภัยของการใช้สารเคมีในการทำนาและการเกษตรทุกอย่าง จึงต้องมาทำเอง

    มีที่นาและสวนอย่างละ 1 ไร่ 2 งาน (รวมเป็น 3 ไร่) ที่อำเภอนครไทย พิษณุโลก
    ปลูกข้าวหอมมะลิของบ้านหนองป่าแดง ต.นาบัว อ.นครไทย พิษณุโลก เป็นปีที่ 8 ทำนาปีเท่านั้น
    โดยไม่ใช้สารเคมีกำจัดวัชพืชและศัตรูพืชเลย ใช้ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพที่ทำเองจากวัชพืชและผลไม้
    แต่ยังคงเสริมปุ๋ยเคมีบ้างคือ จะใช้ปุ๋ยเคมีตราหัววัวคันไถ สูตร 16-8-8 ในระยะแตกกอของข้าว
    คือหลังจากปักดำใหม่ ๆ ในอัตรา 25 กิโลกรัมต่อไร่ เพียงครั้งเดียว
    ในอนาคตคือหลังจากสิบปีไปแล้ว จะเลิกสารเคมีอย่างแน่นอน

    พืชผักและผลไม้ที่ได้ จะเก็บไว้ทานเองและแบ่งปันกันในหมู่ญาติและบ้านใกล้เรือนเคียง
    ได้ข้าวเปลือกหอมมะลิประมาณ 600 – 700 กิโลกรัมต่อปี ใช้ทานเอง แบ่งปันให้ญาติและทำบุญประทายข้าวเปลือก
    โดยมีเครื่องสีข้าวกล้องขนาดครัวเรือนไว้สีเอง จะสีเป็นข้าวกล้องอย่างเดียว และสีเดือนละหนึ่งครั้ง

    ความมุ่งหวัง คือ 1. อยากอนุรักษ์ แบ่งปันและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่อง การทำนาข้าวแบบดั้งเดิมและการเป็นอยู่แบบไทย ๆ
    2. แลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องโทษภัยของการใช้สารเคมีในชีวิตประจำวันจากประสบการณ์ตรง
    3. แลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องการทำข้าวกล้องที่มีคุณภาพแบบคนสีข้าวทานเองในครอบครัว

    ด้วยความปรารถนาดีจากครอบครัว…สุรีวัฒน์
    สุรีพร(087 7325893) – เรวัตตะ(087 3069158)

    • 4
      pookpintokao

      ขอบพระคุณคุณเรวัตตะมากๆนะคะ
      (อยากให้คุณพูดคุยกับเราที่ทางเพจ http://www.facebook.com/pookpintokao จะดีมากๆ เลยค่ะ)
      ไม่แน่ใจว่า คุณที่สนใจจะเป็น เจ้าบ่าวกับเราไหมคะ?

      สำหรับ คุณสมบัติเจ้าบ่าวของเรา ก็คือเป็นชาวนาที่เชื่อในวิถีอินทรีย์ และมีความรักในข้าว ในผืนดิน ผืนน้ำ จนไม่อาจจะทำร้ายได้ด้วยเคมี ทำให้เลิกเคมีเด็ดขาด ไม่มีเคมีสักหยด สักเม็ด ในทุกตารางนิ้วของนา และในทุกขั้นตอนค่ะ แม้ว่าจะเพิ่งเลิกหรือเลิกมานานแล้วก็ได้ทั้งนั้นค่ะ

      หาก คุณสมบัตินี้ใช่คุณ พวกเรา “แม่สื่อ” อยากรู้จักคุณให้มากขึ้นค่ะ รบกวนช่วยเขียนเล่าเรื่องราวของคุณให้เราฟังหน่อยนะคะ เล่าสบายๆ สไตล์คุณเลยค่ะ หากเขียนใน word document แล้วแปะรูปภาพที่คุณอยากให้เราเห็น จะยิ่งดีค่ะ แล้วส่งมาให้เราที่ข้อความ inbox ที่เพจของเรานะคะ

      1. เล่าเกี่ยวกับตัวคุณและครอบครัวหน่อยค่ะ
      2. ที่อยู่ของคุณ และเบอร์ติดต่อ
      3. นาของคุณ ขนาด ข้าวที่คุณปลูก จำนวนที่ได้หรือคาดว่าจะได้ ระยะเวลา สำหรับการเก็บเกี่ยวครั้งต่อไป
      4. แรงบันดาลใจ ที่คุณเลิกเคมี หันมาทำนาอินทรีย์ (ผูกปิ่นโตข้าวจะรับเจ้าบ่าวที่เลิกเคมีเด็ดขาดเท่านั้นค่ะ ไม่มีเคมีสักเม็ดหรือสักหยดในทุกขั้นตอนการทำนาเลยค่ะ)
      5. เมื่อเลิกเคมีแล้ว ชีวิตของคุณดีขึ้นอย่างไร ผืนดินของคุณดีขึ้นอย่างไร
      6.อยากฝากอะไรถึงเจ้าสาวและแม่สื่อคะ
      ขอบพระคุณที่มาร่วม “ผูกปิ่นโตข้าว“ กันนะคะ จะรออ่านเรื่องราวจากคุณนะคะ

Leave a Reply to เรวัตตะ Cancel reply